วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Direct and Indirect Speech

Direct and Indirect Speech



วิธีการนำเอาคำพูดที่ได้ยินมากล่าวถึงอีกครั้งในภาษาอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2ประเภทด้วยกัน คือ
Direct Speech คือ การยกคำพูดจริงๆของผู้พูดทั้งหมดอ่านเพิ่มเติม

การใช้ Causative Form

รู้จักการใช้ Causative Form



  ในภาษาอังกฤษจะมีประโยคแบบพิเศษอยู่แบบหนึ่ง ซึ่งประธานของประโยคไม่ได้เป็นคนทำการกระทำนั้นด้วยตัวเอง แต่ให้บุคคลอื่นทำการกระทำต่างๆ ให้ตัวเอง อ่านเพิ่มเติิม

การใช้ So, Too, Either, และ Neither

การใช้ So, Too, Either, และ Neither



ความแตกต่างหลักๆระหว่างการใช้คำว่า “so” กับ “too” และ “either” กับ “neither” นั่นก็คือ“so” กับ “too” จะใช้ในประโยคบอกเล่า ในขณะที่ “either” กับ “neither” จะใช้กับประโยคปฏิเสธอ่านเพิ่มเติม

วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การใช้ Tense

การใช้ Tense

         Present simple tense ใช้พูดถึงกาลปัจจุบัน สภาพที่เป็นอยู่ปัจจุบัน (general truth) และการกระทำที่เราปฏิบัติเป็นประจำ หรือเป็นกิจวัตร (routine or habit) หรือสิ่งที่เป็นความจริง...อ่านต่อ

Phrasal verbs ( two-word verbs )

          คือ การใช้คำกริยาที่ปกติแล้วมีความหมายอย่างหนึ่ง แต่ส่วนประกอบ เมื่อ verb+ preposition or particle มารวมกันเป็น Phrasal verbs แล้ว อาจจะทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่มีเค้าความหมายของคำกริยาเดิมเลย นิยมใช้กันมากในภาษาอังกฤษ...อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2558

Phrasal Verbs


Phrasal Verbs
Phrasal Verbs คือ กริยาที่ประกอบด้วยส่วนที่เป็นกริยา ( verb ) และคำอื่น ( มักเป็นคำบุพบท ) เมื่อรวมกันแล้วความหมายมักเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น give up , get up
Inseparable Verbs with no objects
คือ phrasal verb ที่ต้องติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ ไม่ต้องมีกรรม เช่น
set off ออกเดินทาง
Speed up เร่งความเร็ว
Wake up ตื่นนอน
Stand up ยืนขึ้น
Come in เข้ามาถึง
Get on ขึ้น (รถ) / เข้ากันได้
Carry on ทำต่อไป
Find out เรียนรู้
Grow up เติบโต
Turn up ปรากฏตัว
Seattle down ตั้งรกราก ลงหลักปักฐาน
Example : The plane will set off at 6 o`clock
----------------------------------------------------------------------------
Inseparable Verbs with objects
คือ phrasal verb ที่ต้องอยู่ติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ แต่ต้องมีกรรม เช่น
Look after เลี้ยงดู
Look into สอบถาม ตรวจสอบ
Run into ชน
Come across พบโดยบังเอิญ
Take after เหมือนถอดแบบ
Deal with ติดต่อ เกี่ยวข้อง
Go off ออกไป จากไป หยุดทำงาน
Cope with จัดการ
Go off ออกไป จากไป หยุดทำงาน
Example : The parents look after their children
----------------------------------------------------------------------------------------------
Separable verbs
Separable verbs ที่แยกจากกันได้ มักจะต้องการกรรม
Turn on เปิด(ไฟ)
Turn off ปิด (ไฟ)
Turn down หรี่ (เสียง)
Swith off ปิด
Look up มองหา
Take off ถอด ออกดินทาง
Try on ลองสวม



วางกรรมตรงไว้หน้า หรือ หลัง preposition ก็ได้
Example : Please turn off the light before going out off
Please turn the light off before going out
----------------------------------------------------------------------------
Three-Word Phrasal Verbs
คือ phrasal verb ที่ไม่มีกรรมและบางครั้งมีการใช้บุพบทมากกว่า 1 ตัว เช่น
Get on with ทำต่อไป ไม่หยุด
Cut down on ลดปริมาณลง
Look out for เตรียมพร้อม
Catch up with ตามทัน
Run out of หมด
Get down to เอาจริงเอาจัง
Stand up for ปกป้อง เดือดร้อนแทน
Look down to ดูถูก
Look up to ยอมรับนับถือ
Put up with อดทน
Look out on มองออกไป

Example : I must get on with my work